วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

เมนูที่ 16 มนต์ฮักแจ่วบักพริกดิบ

แนวกินอีสานบ้านเฮา 100 เมนู ตอนที่ 16 เมนูที่ 16  มนต์ฮักแจ่วบักพริกดิบ
มื้อนี้อ้ายสิเปิดเรื่องด้วยเรื่องราวความฮักของอีพ่อ อีแม่ ของบักอ้าย ก่อนที่บักอ้ายสิได้ลืมตาขึ้นมาเบิ่งโลกกว้างๆใบนี้
อ้ายกะต้องกราบเพิ้นทั้งสองคนงามๆ คันเพิ้นบ่มักบ่ฮักกัน มื้อนี้กะคงสิบ่มีบักอ้าย นี้แหละที่เอิ้นว่าผู้ให้ชีวิต
อ้ายชายเลามีหมู่ฮักหมู่แพง เพราะว่าเคยผูกเสี้ยวกันมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย(ผูกเสี่ยวกะคือพิธีผูกแขน(ผูกข้อไม้ข้อมือ)
เพื่อให้ฮักและคอยช่อยเหลือกันไปตลอด)หมู่ของอ้ายชาย ชื่อว่า อ้ายทองจันทร์ อ้ายทองจันทร์บ้านเลารวยหลายๆ
รวยกว่าผู้ได๋ในตำบลศรีบุญเรือง บ้านเลาอยู่บ้านโนนสะอาดที่ต่อจากบ้านกุดจิกของสาวนวล บ้านโนนสะอาดนี่เป็นตำบล
กะเลยเจริญกว่าหมู่ ส่วนมากผู้คนกะสิค้าขาย บ้านโนนสะอาดกะเลยกลายเป็นจุดศูนย์รวมของตลาด
บ้านของอ้ายทองจันทร์เป็นโรงสีข้าวขนาดใหญ่ รับซื้อแล้วกะขายทั้งข้าวเปลือกข้าวสาร เว้าง่ายๆคือเป็นพ่อค้าคนกลาง
ว่าซั่นเถาะเนาะ อ้ายทองจันทร์เลามีนิสัยมักตีไก่หลายๆ สมัยนั้นบ่อนไก่ที่ได้รับความนิยมหลายที่สุด
กะคือบ่อนตีไก่ของพ่อใหญ่สุข ตั้งอยู่ข้างวัดใต้ของบ้านกุดจิก หมู่บ้านของสาวนวลนั่นล่ะ
ที่บ่อนตีไก่ของพ่อใหญ่สุขได้รับความนิยมคักหลาย กะเป็นเพราะว่าพ่อใหญ่สุขเลาเป็นนักเลงไก่ตรีของแท้
เลาเลี้ยงบักโต้งที่ตีเก่งๆไว้เกือบยี่สิบโต พวกเซียนไก่กะเลยแวะเวียนมาเบิ่งไก่ตรีเลาอยู่บ่ขาด
เลากะเลยตัดสินใจเปิดบ้านเปิดส่องเป็นลานไก่ตรีไปโลด แบบที่เพิ้นเอิ้นว่า จัดไปอย่าให้เสีย นั่นล่ะ
จนมามื้อหนึ่ง เลาขายไก่ตรีชื่อดังของเลา ได้หลายพันบาท ไก่ตรีตัวนี้ชื่อว่า บัก ปอฉลาด
พ่อใหญ่สุขเลาฮักบักปอฉลาดคักขนาด แต่ด้วยอำนาจเงิน เฮากะเลยยอมแพ้ ขายบัก ปอฉลาดให้คะเจ้าไป
แต่ความจริงแล้วพ่อใหญ่สุข เลากะมีแผนการอยู่คือกัน เลาซุ่มฝึกไก่ตรีโตใหม่ขึ้นมาแทนที่บักปอฉลาดเอาไว้แล้ว
ไก่ตรีโตใหม่ของพ่อใหญ่สุขมันชื่อว่า บักลายคราม ส่วนอ้ายทองจันทร์นี้เพิ้นกะหลงฮักหลงมัก
บักปอฉลาดมาโดนแล้ว เพราะว่าบักปอฉลาดสร้างเม็ดเงินให้เพิ้นได้เป็นกอบเป็นกำมาหลายเทื่อ
เพิ้นได้ยินข่าวว่าบักปอฉลาดสิตีสั่งลาก่อนสิย้ายตามเจ้าของใหม่ไปตีลานอื่น อ้ายทองจันทร์กะฟ้าว
ขับมอตาไซค์คันโก้มาหาอ้ายชายหมู่ฮักหมู่แพง
“บักชายไปตีไก่เป็นหมู่เฮาแน่”อ้ายชายกำลังนั่งจักไม้ไผ่ให้เป็นตอกเพื่อที่สิเอาไว้สานเป็นไซดักปลาอยู่ชานเฮือน
“เฮาบ่มัก โตกะฮู้อยู่ เฮาบ่ไปได้บ่เสี่ยว”
“บ่ได้”อีกฝ่ายว่า
“ให้ฟ้าวลงมาจากเฮือนให้มันไวๆ เดี๋ยวสิบ่ทันบักปอฉลาดตีเที่ยสุดท้าย”อ้ายชายกะเลยต้องยอมลงมา
นั่งซ้อนมอตาไซค์ของหมู่ไปยังบ่อนตีไก่บ้านพ่อใหญ่สุข
พ่อใหญ่สุขจัดการส่งบักลายครามลงไปเป็นคู่ต่อสู้ของบักปอฉลาด เอาความสดไปปะทะความเก๋าลองเบิ่งจักเทื่อ
คันบักลายครามแพ้กะบ่เป็นอีหยังเพราะเลายังมีเวลาอีกหลายที่สิฝึกให้บักลายคราวกลายขึ้นมา
เป็นเบอร์หนึ่งของบ่อนไก่ตรีของเลา อ้ายทองจันทร์กะเทเงินไปเกือบพันแทงทางบักปอฉลาด เสียงเชียร์ดังลั่นขึ้นมา
ตอนแรกบักปอฉลาดกะโชว์ฟอร์มได้บ่ทิ่มลายแชมป์เด้ แต่จู่ๆบักลายครามกะพลิกกลับมาเตะเข้าตา
จนตาของบักปอฉลาดแตกเลือดไหลออกมา ฮู้สึกว่าตาข้างนั้นมันสิแตกจนตาของมันบอด
เฮ็ดให้มันแล่นหนียอมแพ้ไปดื้อๆ อ้ายทองจันทร์กะเลยเสียเงินไปเกือบพัน ในขณะเดียวกันที่เจ้าของบักปอฉลาด
ผู้ใหม่ต้องมาเสียเงินไปหลายพันแถมยังได้ไปแค่ไก่ตรีตาบอดเป็นการตอบแทน ผู้ที่มีแต่ได้กับได้นั่งหัวร่อชอบใจ
กะคือพ่อใหญ่สุขผู้เดียว บักลายครามกะขยับขึ้นมาเป็นเบอร์แรกของบ่อนไก่ตรีไปในทันที
นี่ล่ะหนอการพนันขันต่อมันบ่อเข้าไผ๋ออกไผ๋ดอก ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับมันเป็นดีที่สุด นอกจากสิเสียเงินเสียทองแล้ว
ยังเป็นบาปเป็นกรรมเพราะว่าเฮ็ดให้ไก่พิการโดยที่บ่ได้ตั้งใจ
สาวนวลกับสาวเถียนน้องสาวหล้าหัวแต่ไปแก่น้ำใช้มาจากสระน้ำของวัด กำลังยู้รถแก่น้ำผ่านหน้าบ้านพ่อใหญ่สุขพอดี
“นั่นมันแม่นอ้ายชายบ่อเอื้อย”น้องสาวตาดีแนมเห็นก่อน สาวนวลเหลียวตาม แม่นอีหลี อ้ายชายแท้ๆบ่ผิดโตแน่นอน
สาวนวลออกแฮงดันรถแก่น้ำให้ผ่านหน้าบ้านพ่อใหญ่สุขไปไวๆ ชังหลายคนเล่น(หมายถึงเล่นการพนัน)
หน้าเริ่มงอเป็นแมงจินูน พอดีกับอ้ายชายแนมมาเห็นเข้ากะเลยฟ้าวแล่นมาหา
“ให้อ้ายช่อยยู้ไปส่งเฮือนเอาบ่”สาวนวลบ่ตอบ เคียดหลายที่เห็นผู้บ่าวอยู่ในบ่อนตีไก่
“ยู้ให้มันไวๆแน่อีเถียน ยู่แบบนี้สิฮอดเฮือนบ่”หันมาด่าน้องสาวแทน
“เป็นหยังไปน้อ คือเฮ็ดหน้างอจักสั่น เคียดอีหยังให้อ้ายอีก”สาวนวลบ่เว้าหยัง บ่หันมาแม้แต่เบิ่งหน้าผู้บ่าว
ฟ้าวยู้รถแก่น้ำผ่านไปโดยเร็ว ปล่อยให้อ้ายชายยืนงงอยู่ผู้เดียว
“ผู้สาวโตสิชาย”อ้ายทองจันทร์ย่างเข้ามาถาม
“เอ่อ แต่ว่าบ่ฮู้ว่าเป็นอีหยัง เว้านำกะบ่เว้านำ”
“สิเป็นอีหยัง แม่หญิงนอกจากเคียด อยากให้เฮาตามไปง้อ ว่าแต่ผู้สาวโตนุ่งเสื้อสีขาวหรือสีเหลืองล่ะ”
“สีขาว ส่วนเสื้อสีเหลืองชื่อว่า เสถียร เป็นน้องสาวเพิ้น”
“มื้อแลง เฮาสิพาโตไปง้อผู้สาวเอง บ่ต้องห่วงดอกบักเสี่ยว”อ้ายทองจันทร์ตบไหล่อ้ายชาย
ความฮู้สึกเสียดายเงินค่าเสียตีไก่หายไปหมดแล้ว เพราะย่างน้อยเพิ้นกะได้พ้อแม่หญิงที่เพิ้นถืกอกถืกใจ
ถือได้ว่ามาแล้วบ่เสียเที่ยว
หลังจากกินข้าวแลง อีพ่ออีแม่ของสาวนวลกะเข้าไปนอนก่อน เหลือแค่สามสาวที่ลงมานั่งสาวไหม กรอไหมกัน
นอกจากสิเอ็ดนากับเลี้ยงควายแล้ว บ้านของสาวนวลยังเลี้ยงไหมจนเป็นล่ำเป็นสันอีกนำ
ถึงขนาดปลูกใบม่อนแนวกินของดักแด้ไหมเอาไว้จนเป็นสวน ส่วนสถานที่เลี้ยงกะคือใต้ตะล่างเฮือนข้างคอกควายนั่นล่ะ
ใต้ตะล่างเฮือนเอาไม้มาก่อเป็นชั้นๆ แล้วกะวางกะดงขนาดใหญ่กว่าวาเอาไว้เป็นหลายชั้น
กะดงแต่ละใบกะสิมีหนอนไหมที่เลี้ยงเอาไว้เป็นรุ่นๆแตกต่างกันออกไป ตั่งแต่เป็นไข่
จนเป็นดักแด้ไหมสีทองพร้อมที่สิเอามาสาวไหมได้แล้ว
การสาวไหมกะคือการดึงเอาเส้นไหมออกมาจากดักแด้(รังไหม)นั่นล่ะ
วิธีการสิเอาตัวรังไหมสีทองมาใส่หม้อนึ่งข้าวต้มเอาไว้ ใช้ไม้คีบกดรังไหมให้มันจมน้ำ
ใช้มือรวบเส้นไหมให้ติดไม้คีบขึ้นมา แล้วจั่งเอามาสอดใส่ลงไปในฮูตรงกลางของพวงสาว
พวงสาวกะคือเครื่องมือสาวไหม เป็นชั้นๆมีแกนเป็นวงล้อเอาไว้หมุนดึงเส้นไหมขึ้นมาใส่ลงไปในกระต่า
เพื่อที่บ่ให้เส้นไหมมันพันกัน สาวไปเรื่อยๆจนกว่าเส้นไหมสิหมดเหลือแค่ตัวดักแด้หรือว่าหนอนไหม
สาวนวลนั่งสาวไหมอยู่ ข้างๆคือสาวจันทร์เมืองที่นั่งกรอเส้นไหมที่สาวออกมาแล้วอยู่ข้างๆ
เสียงเหล่ง(เครื่องมือกรอไหม)เพื่อมัดเส้นไหมให้เป็นไจ ดังแอ๊ดๆ ตามจังหวะที่สาวจันทร์เมือง
หมุนเหล่งเป็นวงกลม ส่วนสาวเถียนกะท่าเอารังไหมมาเติมไปลงหม้อ แล้วกะท่าเติมฟืนเพื่อบ่ให้ไฟดับ
แสงจากตะเกียงสองโตกับแสงจากกองไฟหม้อต้มรังไหมกะแจ้งสว่างพอที่เฮ็ดให้สามพี่น้องเฮ็ดงานได้
ภาพสาวไหม จากบ้านโพธิ์กอง ขอบคุณหลายๆ
ภาพเหล่งกรอไหม จาก กู่ศิลา ขอบคุณหลายๆ
เสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอด เมื่อเห็นอ้ายชายย่างยิ้มเข้ามา สาวนวลกะลุกพรวดขึ้นโลด
“มาสาวไหมแทนเอื้อยแน่ เอื้อยสิขึ้นไปนอนแล้ว เหม็นขี้หน้าลังคน”
ว่าแล้วกะหนีขึ้นบันไดไปบนเฮือน สาวเถียนจั่งได้มานั่งลงแทนที่
“เลาเคียดอีหยังให้อ้ายน้อ”
“นั่งก่อนอ้าย”สาวจันทร์เมืองบอก อ้ายชายนั่งลงพร้อมอ้ายทองจันทร์
“นี่บักทองจันทร์หมู่อ้าย”อ้ายทองจันทร์แนมเบิ่งสาวเถียนสายตาหวานเยิ้มๆป่าน้ำเผ่งเดือนห้าแม้
“เอื้อยนวลเลาชังคนเล่น เลาเห็นอ้ายชายอยู่บ้านพ่อใหญ่สุข เลาเลยเคียดหลาย”สาวเถียนบอก
“อ้ายบ่ได้เล่นแม้ อ้ายแค่ไปเป็นหมู่บักทองจันทร์ซื่อๆ”อ้ายชายหน้าถอดสี บ่คิดว่าสิถืกผู้สาวเคียดให้โดยบ่ฮู่โต
“อันนี้บ่ฮู้เด้อ ไปง้อกันเอาเองโลด”สาวจันทร์เมืองยิ้ม
“แล้วโตล่ะ ชังคนเล่นบ่”อ้ายทองจันทร์ถามสาวเถียน
“กะแล้วแต่ว่าเป็นผู้ได๋”ผู้สาวตอบทั้งอยากอาย
“แล้วคันเป็นอ้าย เจ้าสิชังบ่”
“ถามอีหยังกะบ่ฮู้เนาะ กินดักแด้ก่อนสา”ยื่นจานดักแด้ไหมมาให้แก้เขิน
สรุปแล้วที่อ้ายทองจันทร์บอกว่าสิพาอ้ายชายมาง้อสาวนวลกะเป็นแค่เรื่องบังหน้า
แท้ๆแล้วเพิ่นแค่อยากสิมาเกี๊ยวน้องสาวสาวนวลกะท่อนั้น
ลมหัวกุดพัดยอดข้าวในนา ลู่ไปเป็นทาง แดดยามเที่ยงฮ้อนจนฝูงควายหนีลงไปแช่ในลำน้ำมอ
สาวนวลตำบักหุ่งแล้วๆกำลังสิตำแจ่วบักพริกดิบกินข้าวเที่ยง อ้ายชายกะหิ้วฆ้องใส่ปลามาตั้งพร้อม
วางแหลงพื้นเถียงนา อ้ายชายยกมือไหว้อีพ่ออีแม่ของสาวนวลที่นั่งท่ากินข้าวเที่ยงอยู่
“เขาบ่เว้านำ กะยังสิมาอีกเนาะอ้าย”สาวเถียนว่า ตาแนมหาหมู่ของอ้ายชาย
“อ้ายเอาปลาข่อมาให้ ไปตึกแหได้มาสามสี่โต แต่ว่าโตมันบ่ค่อยใหญ่ปานได๋”
อ้ายชายบอก เหลียวไปเบิ่งผู้สาวที่เฮ็ดเป็นแนมบ่เห็น
“พอดีเลย สิได้เอามานึ่งกินกับแจ่วบักพริกดิบของเอื้อยนวล”
สาวจันทร์เมืองว่า แล้วกะเอาปลาข่อไปเตรียมนึ่งกินกับแจ่วที่ผู้เป็นเอื้อยกำลังสิตำ
“เมื่อวาน บักทองจันทร์มันมาชวนอ้ายไปเป็นหมู่ อ้ายบ่ได้ไปตีไก่เด้ เจ้าเข้าใจอ้ายผิด”สาวนวลยังบ่ปาก
“ให้อ้ายช่อยตำแจ่วเนาะ”เว้าพร้อมดึงสากกระบือในมือผู้สาวมาถือ พร้อมขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“คันบ่เชื่อ ไปถามบักทองจันทร์เบิ่งกะได้ เซ้าเคียดให้อ้ายเถาะเนาะ”
สาวนวลยังบ่ยอมเว้า เด็ดหน่วยบักพริกดิบลงไปในครก อ้ายชายจั่งค่อยออกแฮงตำ
“เอ็ดจั่งได๋หนอ เจ้าจั่งสิเซ้าเคียดให้อ้าย”ตากระแนมเบิ่งหน้าผู้สาว มือกะตำแฮงขึ้นๆ
จนครกแตกออกมาเป็นสองข้าง แต่ย่อนว่าเลาบ่ได้เบิ่ง เลากะยังคงตำต่อไปเรื่อยๆ
“อ้ายชาย ครกแตกแล้ว”สาวเถียนหัวขวัญขึ้นมา สาวนวลหันไปเบิ่งอดที่สิหัวร่ออกมาบ่ได้
เป็นอันว่า อ้ายชายตำแจ่วบักพริกดิบจนครกแตก กะเลยช่อยให้สาวนวลเซ้าเคียดยอมเว้านำคือเก่า
ทั้งสาวจันทร์เมือง กับสาวเถียนผู้น้อง เลยล้อว่า มนต์ฮักแจ่วบักพริกดิบ
เก็บเอาเรื่องราวมาเว้าสู่ลูกสู่หลานฟังมาจนคุมื้อนี้
นี่ละคือที่มาของ มนต์รักแจ่วบักพริกดิบของบักอ้าย มื้อนี้บักอ้ายกะเลยสินำเสนอ แจ่วบักพริกดิบ
คนอีสานเป็นคนที่อยู่ง่ายกินง่าย ฮู้จักที่หาสิ่งของที่อยู่รอบๆตัวมาดัดแปลงเพื่อให้เป็นแนวกิน
เป็นการดำรงชีวิตอยู่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติหลายที่สุดเด้  แจ่ว กะเป็นแนวกินที่คนอีสาน
นิยมเฮ็ดกินกันมาโดนแล้ว เพราะว่ามีเครื่องปรุงน้อย เฮ็ดง่าย ในพาเข้าจั่งต้องมีแจ่ว
เป็นเมนูหลักกะว่าได้เนาะ ปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าชีวิตของคนอีสานบ้านเฮาสิเปลี่ยนไปหลาย
แต่ว่าแนวกินของคนอีสานบ้านเฮา จั่ง แจ่ว กะยังบ่ได้เสื่อมความนิยมลงไปแต่อย่างได๋
ตามบักอ้ายมาเดี๋ยวสิพาไปเบิ่งสูตรและวิธีตำแจ่วในตำนานของอีแม่ ตำจนครกแตก
ตำจนได้ลูกชายลูกสาวมาสามคน มาเบิ่งว่าเพิ้นตำจั่งได๋กัน
หาเครื่องปรุงมาเตรียมไว้โลด
ข่าป่า สิหัวน้อยๆ หอมแฮงกว่า ข่าบ้าน คันบ่มีกะใช้ข่าบ้านกะได้
บักพริกดิบ
กระเทียม
หัวผักบั่ว
ขิง
ข่าตากแห้ง
บักกอก
บักนาว
ปลาร้าเป็นต่อนๆ
น้ำปลา
เกลือ
น้ำตาล คันมักหวาน











ส่วนวิธีตำแจ่ว กะบ่ยาก คันบ่แม่นครกหินกะบ่ต้องตำแฮง เดี๋ยวครกสิแตกคือพ่อใหญ่ชายเด้


เอาข่ามาซอยเป็นต่อนน้อยๆ เอาไปตากแดดไว้มื้อหนึ่ง กะสิได้ข่าตากแห้ง แบบนี้ล่ะ





เอาบักพริกมาเด็ดขั่วออก เอาขิง ข่า หัวบักบั่วมาหั่นเตรียมเอาไว้




ตั้งกระทะ เอาขิง ข่า หัวบักบั่วที่หั่นไว้ ลงไปก่อน ตามด้วยบักพริกดิบกับกระเทียม

คั่วจนหอม  ค่อยเอาข่าแห้งใส่ทีหลังสุด คันใส่เร็วมันสิไหม้ คั่วให้หอม กะเทออกมา




พักเอาไว้ก่อน แล้วๆกะเอามา ตำ   ตำ  ตำ




ก่อนตำเอาเกลือใส่ลงไปจักหน่อย เอาคุอย่างที่คั่วเอาไว้ใส่ลงไปในครก ตำใส่มันแหลก

ให้มันเข้ากัน ค่อยปรุงรสชาติ ใส่ น้ำปลา บักกอก แล้วกะต่อนปลาร้า

ตำให้มันเข้ากัน คันมักส้ม กะใส่บักนาวลงไปจักหน่อย



เป็นแนวกินที่เฮ็ดง่ายที่สุดเด้
ตักใส่ถ้วย ยกใส่พาเข้ามากินกับปลานึ่ง ไข่ต้มนำ
มื้อนี้อ้ายมีปลานิลนึ่งใส่ผักกวางตุ้ง แต่บ่มีวิธีนึ่งปลาบอกเอาไว้ดอก เอาไว้เที่ยหน้าเนาะ
และนี่กะคือเมนู มนต์รักแจ่วบักพริกดิบ ในตำนานของแม่ใหญ่นวล

]







มื้อนี้วันนี้บักอ้ายกะต้องขออำลาไปก่อนเด้อครับ เอาไว้สิมาเว้าเรื่องม่วนๆกับเฮ็ดแนวกิน

ให้เบิ่งในตอนต่อไป ขอบคุณหลายๆครับ ที่ติดตามกันมาตลอด ฮักบักอ้ายน้อยๆเด้อ

แต่ว่าให้ฮักบักอ้ายโดนๆเนาะ ฮักจนถึงเมนูหนึ่งร้อยกะได้

สำหรับมื้อนี้ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น